ประโยชน์ของการใช้อีเลิร์นนิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ห้องเรียน
- ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีเลิร์นนิ่งช่วยลดการเดินทาง ซึ่งจะช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และลดปริมาณคาร์บอนมอนอกไซด์ จากการใช้รถยนต์หรือจักรยานยนต์ส่วนตัว[ต้องการอ้างอิง] การบันทึกหรือจดโน้ตในรูปแบบดิจิตอลแทนการใช้กระดาษจริง การทำแบบทดสอบในคอมพิวเตอร์แทนการทำแบบทดสอบในกระดาษ ฯลฯ อีเลิร์นนิ่งจึงเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- มีคุณภาพและโอกาสในการเรียนรู้ ผู้สอน ครู หรืออาจารย์ สามารถแบ่งความรู้ข้ามพรมแดนทางกายภาพ ทางการเมือง หรือทางเศรษฐกิจให้กับนักศึกษาหรือผู้สนใจ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านต่างๆ ที่เป็นที่ยอมรับมีโอกาสที่จะทำความรู้ให้ทุกคนที่สนใจสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ในทุกๆ ที่ ซึ่งจะเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายหรือต้นทุกในการศึกษาระดับสูง ทำให้การเรียนรู้สามารถเข้าถึงคนเป็นจำนวนมากได้
- ผู้เรียนได้รับความสะดวกและความยืดหยุ่น อีเลิร์นนิ่งสามารถเป็นการเรียนรู้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ซึ่งสามารถกำหนดระยะเวลาในการเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และสามารถเข้าถึงบทเรียนได้ตลอดเวลา ผู้เรียนจึงไม่จำเป็นต้องผูกพันกับวันเวลาเรียนที่แน่นอนในการไปเข้าเรียนตามสถานที่ที่กำหนด และผู้เรียนยังสามารถพักการเรียนได้ตามความต้องการ
ทางด้านการตลาด
มีการประเมินคร่าว ๆ ว่า ธุรกิจการศึกษาผ่านช่องทางอิเลคโทรนิคมีมูลค่ามากกว่า 38 ล้านยูโร แม้ว่าผลิตภัณฑ์จากการศึกษาผ่านช่องทางอิเลคโทรนิค 20% จะถูกผลิตขึ้นในตลาดทั่วไป นอกจากนี้การพัฒนาเทคโนโลยีทางอินเทอร์เน็ตยังเป็นปัจจัยเป็นพื้นฐานและเป็นบ่อเกิดของระบบการเรียนรู้ออนไลน์ หรือ E-Learning ที่มีเนื้อหา การบริการที่เด่นชัดอีกด้วย เพิ่มเติม ด้านการตลาด ยังมีสื่อออนไลน์ต่างๆ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นสื่อการตลาดได้ อาทิเช่น 1. Web Marketing / 2. Blog Marketing / 3. Social Media Marketing และอื่นๆ จากการให้บริการในรูปแบบฟรี และมีค่าใช้จ่ายจากหลายค่าย ที่มา : internet marketing solutionsในประเทศไทย มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ได้มีการพัฒนาระบบการเรียนรู้ออนไลน์บนเว็บไซต์ของตัวเอง และส่วนภาครัฐบาลก็ได้มีการสนับสนุน การนำโปรแกรมการเรียนการสอนผ่านระบบออนไลน์ เช่น สถาบัน "Wall Street". http://www.wallstreetinstitute.com. และ "Econosia". http://www.econosia.com. ที่ได้มีการพัฒนาโครงสร้าง การเรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ อย่างดีเยี่ยม และมีประสิทธิภาพ
ข้อแตกต่างของการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ กับระบบการเรียนในห้องเรียน
- สามารถเข้าถึงแต่ละบุคคลได้มากกว่าการเรียนในแบบห้องเรียนรวม
- เป็นการลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในแต่ละหลักสูตร และยังมีประสิทธิภาพใกล้เคียงหรือเทียบเท่า
- เสียค่าใช้จ่ายน้อยลงหรือไม่เสียค่าใช้จ่ายในการคัดลอกสำเนาบทเรียน
- ประหยัดเวลา และไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษา
อ้างอิง
- "Assumption University". http://www.elearning.au.edu/PhDeLm/ceo_mes.html.1st PhD in e-learning
นวัตกรรมเทคโนโลยีการศึกษาที่เราควรรู้จัก
Blended-Learning คือ การจัดการเรียนการสอนแบบผสมผสาน โดยเรียนผ่าน e-Learning ผสมผสานกับการเรียนในชั้นเรียนปกติ โดยมีสัดส่วนในการเรียนอาจจะเรียนในห้องเรียน 60% เรียนบนเว็บ 40% ไม่ได้มีกฏตายตัวว่าจะต้องผสมผสานกันเท่าใด ขึ้นอยู่กับวิชาที่เรียนด้วยค่ะ
M-Learning มาจากคำว่า Mobile Learning หมายถึง การเรียนรู้แบบเคลื่อนที่ (mobile learning) เป็นการจัดการเรียนการสอน หรือการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านคอร์สแวร์ที่นำเสนอเนื้อหาและกิจกรรมการเรียน การสอนผ่านเทคโนโลยีเครือข่ายแบบไร้สาย (wireless telecommunication network) และ เทคโนโลยีเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้เรียนสามารถเรียนได้ทุกที่และทุกเวลา โดยผ่านสัญญาณแบบไร้สายที่มีบริการตามจุดต่างๆของมหาวิทยาลัยและภายนอก มหาวิทยาลัย (Access Point) ผู้เรียนและผู้สอนใช้อุปกรณ์ประเภทเคลื่อนที่ได้ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบไร้สาย (Wireless Lan) ได้แก่ Notebook Computer, Portable computer, PDA/PAD Phone, Tablet PC, Cell Phones /Cellular Phone ในการดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือการเข้าถึงข้อมูลเพื่อการเรียนรู้ด้วยผู้เรียนเอง
U-Learning มาจากคำว่า Ubiquitous learning (อ่านว่า ยูบิควิตัส) หมายถึงการมีคอมพิวเตอร์อยู่ทุกหนทุกแห่ง เป็นสภาพแวดล้อมของสังคมในอนาคต ที่ต่อไปจะมีอินเทอร์เน็ตบนตู้เย็น เครื่องซักผ้า ซึ่งปัจจุบันได้มีการพัฒนาแล้วในบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า นั่นก็หมายความว่าในอนาคตผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกแห่งหนนั่นเอง สถานศึกษาไม่จำกัดอยู่แค่ที่ตั้ง แต่ยังหมายถึงสถานที่ๆสามารถเข้าถึงได้จากทุกหนแห่งอีกด้วย
**M-Learning กับ U-Learning หลายท่านอาจจะสงสัยว่า 2 คำนี้ต่างกันอย่างไร
คำตอบ
M-Learning หมายถึง การเรียนรู้ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
แต่ U-Learning หมายถึง สภาพแวดล้อมที่ทำให้สามารถเกิดเรียนรู้ได้ทุกหนแห่ง
U-Learning = e-Learning + m-Learning
รูป Learning Object สื่อแต่ละประเภทถูกนำมาใช้ร่วมกันในเว็บเพจ และเชื่อมโยงเป็นบทเรียน จนกลายเป้นหลักสูตรในที่สุด
LO ได้ถูกเปรียบเทียบให้เห็นว่าเป็นเสมือน Lego ที่สามารถต่อเชื่อม ปรุงใหม่ บูรณาการได้ตลอดเวลา
M-Learning มาจากคำว่า Mobile Learning หมายถึง การเรียนรู้แบบเคลื่อนที่ (mobile learning) เป็นการจัดการเรียนการสอน หรือการเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านคอร์สแวร์ที่นำเสนอเนื้อหาและกิจกรรมการเรียน การสอนผ่านเทคโนโลยีเครือข่ายแบบไร้สาย (wireless telecommunication network) และ เทคโนโลยีเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้เรียนสามารถเรียนได้ทุกที่และทุกเวลา โดยผ่านสัญญาณแบบไร้สายที่มีบริการตามจุดต่างๆของมหาวิทยาลัยและภายนอก มหาวิทยาลัย (Access Point) ผู้เรียนและผู้สอนใช้อุปกรณ์ประเภทเคลื่อนที่ได้ที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบไร้สาย (Wireless Lan) ได้แก่ Notebook Computer, Portable computer, PDA/PAD Phone, Tablet PC, Cell Phones /Cellular Phone ในการดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือการเข้าถึงข้อมูลเพื่อการเรียนรู้ด้วยผู้เรียนเอง
U-Learning มาจากคำว่า Ubiquitous learning (อ่านว่า ยูบิควิตัส) หมายถึงการมีคอมพิวเตอร์อยู่ทุกหนทุกแห่ง เป็นสภาพแวดล้อมของสังคมในอนาคต ที่ต่อไปจะมีอินเทอร์เน็ตบนตู้เย็น เครื่องซักผ้า ซึ่งปัจจุบันได้มีการพัฒนาแล้วในบริษัทผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า นั่นก็หมายความว่าในอนาคตผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกแห่งหนนั่นเอง สถานศึกษาไม่จำกัดอยู่แค่ที่ตั้ง แต่ยังหมายถึงสถานที่ๆสามารถเข้าถึงได้จากทุกหนแห่งอีกด้วย
**M-Learning กับ U-Learning หลายท่านอาจจะสงสัยว่า 2 คำนี้ต่างกันอย่างไร
คำตอบ
M-Learning หมายถึง การเรียนรู้ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
แต่ U-Learning หมายถึง สภาพแวดล้อมที่ทำให้สามารถเกิดเรียนรู้ได้ทุกหนแห่ง
U-Learning = e-Learning + m-Learning
รูป Learning Object สื่อแต่ละประเภทถูกนำมาใช้ร่วมกันในเว็บเพจ และเชื่อมโยงเป็นบทเรียน จนกลายเป้นหลักสูตรในที่สุด
LO ได้ถูกเปรียบเทียบให้เห็นว่าเป็นเสมือน Lego ที่สามารถต่อเชื่อม ปรุงใหม่ บูรณาการได้ตลอดเวลา